มีตัวครอบกระเป๋าบล็อกเชนคืออะไร

กระเป๋าสตางค์บล็อกเชน (ต่อไปจะเรียกว่า กระเป๋าสตางค์) เป็นทางเข้าของผู้ใช้สู่บล็อกเชนและพาสปอร์ตของผู้ใช้ในโลก Web3

กระเป๋าเงินธนาคาร通常มีฟังก์ชั่นต่อไปนี้:

สร้างบัญชีบล็อกเชน

เนื่องจากกระบวนการสร้างบัญชีบล็อกเชนซับซ้อน การมีวอลเล็ทจะช่วยให้ผู้ใช้งานง่ายขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ในระหว่างกระบวนการสร้างบัญชี วอลเล็ทจะนำผู้ใช้งานไปสำรองกุญแจส่วนตัวหรือวลีลับ แล้วดำเนินการตรวจสอบรอบที่สองเพื่อให้มั่นใจว่ากุญแจส่วนตัวหรือวลีลับที่ผู้ใช้งานสำรองไว้ถูกต้อง

จัดการสินทรัพย์บล็อกเชน

การมีอยู่ของกระเป๋าเงินช่วยอํานวยความสะดวกในการจัดการสินทรัพย์ของตนเองของผู้ใช้ซึ่งส่วนใหญ่รวมถึงการโอนคอลเลกชันการดูรายละเอียดสินทรัพย์รายละเอียดการทําธุรกรรม ฟังก์ชั่นคล้ายกับแอพธนาคาร คุณสามารถดูสินทรัพย์ที่คุณเป็นเจ้าของในปัจจุบันจํานวนสินทรัพย์และดําเนินการต่างๆเช่นการโอนสินทรัพย์ของคุณ

สำรวจระบบนิเวศบล็อกเชน

ณปัจจุบัน การออกแบบโซ่สาธารณะบางรายจะสนับสนุนให้ผู้ใช้ในระบบนิวโมเตติพรีเชียมเพื่อมีส่วนร่วมกิจกรรมในการสร้างระบบนิวโมเตติพรีเชียม เรื่องหลัก ๆ รวมถึงการลงคะแนนโหวตโหวตโหวตโหวตโหวตโหวตโหวตโหวต การลงทุน ฯลฯ ที่สามารถเข้าร่วมได้ทั้งหมดผ่านกระเป๋าเงิน

และบางแอปพลิเคชัน DApp ขนาดใหญ่มีอยู่ในรูปแบบของแอปพลิเคชันอิสระภายนอกบุคคลที่สาม ในขณะที่ประสบปัญหา DApps ในรูปแบบของแอปพลิเคชันเหล่านี้ ต้องใช้กระเป๋าเงินเป็นสื่อสำหรับเข้าสู่ระบบและการอนุญาตธุรกรรม

การซื้อขาย

บางกระเป๋าเงินในระบบจะรองรับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิตอล การทำซื้อขายแลกเปลี่ยน การทำซื้อขาย OTC และบริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงการทำซื้อขาย OTC (Over The Counter) ที่นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยน รับประกันโดยบุคคลที่สาม และวิธีการทำซื้อขายจุดต่อจุดของลูกค้าคือสกุลเงินที่ถูกต้องปัจจุบันและวิธีการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลแบบหนึ่งต่อหนึ่ง

อื่น ๆ

เนื่องจากวอลเล็ทมีลักษณะทางการเงินโดยธรรมชาติ บางวอลเล็ทจะรวมเอาเครื่องมือและฟังก์ชันทางการเงินต่าง ๆ เช่น พูลขุดเหมือง การจัดการทางการเงิน การขุดเหมือง การลงทุนโครงการ ฯลฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สำหรับการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์

เปรียบเทียบ "Alipay"

สำหรับผู้ใช้ที่พบกับบล็อกเชนครั้งแรก เราสามารถเปรียบเทียบกระเป๋าบล็อกเชนกับ "Alipay" จากมุมมองที่ไม่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดก่อน

จุดเดียวกันกับ "Alipay":

• คุณสามารถจัดการทรัพย์สิน ทำการโอนเงิน ดูทรัพย์สิน เป็นต้น
• คุณสามารถจัดการเอกลักษณ์ของคุณและอนุญาตให้เข้าสู่ระบบเพื่อเข้าถึงแอพหรือเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม

ความแตกต่างจาก "Alipay":

• “Alipay” เป็นผลิตภัณฑ์ที่เซ็นทรัลไลซ์ที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มอันต์ ในขณะที่กระเป๋าเงินบล็อกเชนเป็นของแท้ของบล็อกเชนที่ไม่สามารถควบคุมได้เกือบจะเป็นไปไม่ได้โดยมนุษย์
• การสร้างบัญชี "Alipay" ต้องใช้บัตรประจำตัวและข้อมูลโทรศัพท์มือถือ หากสูญหาย สามารถกู้คืนได้ บัญชีกระเป๋าเงินบล็อกเชนเป็นบัญชีที่ไม่ระบุชื่อและเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะกู้คืนหากสูญหาย
• สินทรัพย์ที่จัดการโดย "Alipay" ถูกบันทึกในเงินบาทที่ถูกต้อง มีกฎหมายที่ลึกซึ้งเพื่อปกป้อง "สิทธิของการเป็นเจ้าของ" ของผู้ใช้ สินทรัพย์ที่จัดการโดยกระเป๋าเงินบล็อกเชนเป็นของผู้ใช้จริงๆ

การพัฒนากระเป๋าเงินและความท้าทาย

ในตอนแรกของการเกิดของ Bitcoin กระเป๋าเงินเป็นระบบพื้นฐานมาก และต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการซิงโครไนส์เพื่อดาวน์โหลดบัญชีรายชื่อ Bitcoin ทั้งหมดก่อนที่จะใช้งานได้ ในตอนนั้น มีแค่นิดเดียวที่เป็นเนิร์ดคนที่ใช้กระเป๋าเงินโดยการดำเนินการบนคอมพิวเตอร์ ภาพด้านล่างแสดงกระเป๋าเงิน Bitcoin ครั้งแรกของโลกที่ออกแบบโดย Satoshi Nakamoto ผู้ก่อตั้ง Bitcoin:

พัฒนาขึ้นร่วมกับ Bitcoin ในวันที่ 29 มิถุนายน 2011 บริษัทรับจัดการชำระเงินด้วย Bitcoin ชื่อ BitPay เปิดตัวกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ Bitcoin แอปพลิเคชันสำหรับสมาร์ทโฟนครั้งแรก นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญสำหรับกระเป๋าเงินที่จะเปิดให้ใช้งานกับผู้ใช้ทั่วไป แต่เน้นเฉพาะคุณสมบัติ: เก็บ Bitcoin เท่านั้น

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เกือบ 5 ปีหลังจากเกิดบล็อกเจเนซิสของบิทคอยน์ กระดาษขาวอีธีเรียมปล่อยออกมาแล้ว แถลงว่าบล็อกเชนได้เข้าสู่ยุค 2.0 สัญญาฉลาดเริ่มถูกใช้งานในบล็อกเชน ในขณะนี้ นอกจากการโอนและรับเงิน กระเป๋าเงิน นอกจากนี้ การดำเนินการสัญญาออนเชนยังสามารถทำได้

ในปี 2018 คําว่า DeFi ถูกเสนอครั้งแรกใน Telegram ด้วยการเปิดตัว Compound, Uniswap, DAI และโปรโตคอลอื่น ๆ ระบบนิเวศ Ethereum เริ่มเฟื่องฟู หลังจากการพัฒนา Yield Farming และ Aggregator ในช่วงฤดูร้อนปี 2020 หลังจากการระบาดกิจกรรมการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญการขุดสภาพคล่อง DeFi ได้รับความนิยมจํานวนผู้ใช้กระเป๋าเงินบล็อกเชนเกิน 50 ล้านคนและกระเป๋าเงินบล็อกเชนเข้าสู่ช่วงเวลาของการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน ด้วยเรื่องราวของ cross-chain และ Layer 2 กระเป๋าเงินดิจิทัลบล็อกเชนได้เป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้คนที่ต้องการเก็บสินทรัพย์และซื้อขาย ในเวลาเดียวกันการสนับสนุนสินทรัพย์ cross-chain ก็เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ต้องพิจารณาเมื่อเลือกกระเป๋าเงินดิจิทัล

ในปี 2022 ในการประชุม Devcon 6 ที่จัดขึ้นในโบโกตา Tomasz Tunguz กล่าวถึงสถิติบางอย่างของ Web3: DAU สะสมของแต่ละเครือข่ายสาธารณะกระแสหลักอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านในขณะที่ DAU ของอินเทอร์เน็ตแบบดั้งเดิมคือ 5 พันล้านและอดีตแทบจะไม่เพียงพอที่จะถึง 0.05 ของหลัง %. จากด้านอุปทานมีนักพัฒนาประมาณ 16,000 คนที่กําลังพัฒนาใน Web3 จํานวนนักพัฒนาทั้งหมดในโลกสูงถึง 27 ล้านคนและนักพัฒนา Web3 มีสัดส่วนน้อยกว่า 0.06% ด้วยเหตุนี้ Web3 จึงยังห่างไกลจากการยอมรับจํานวนมาก

เป็นทางเข้าสู่ Web3 ความท้าทายตัวแรกสำหรับการใช้งานมากขึ้นของพวกกระเป๋าเงินคือการแก้ปัญหา "การเก็บสำคัญส่วนตัว"

ในโลกบล็อกเชน กุญแจส่วนตัวควบคุมทุกอย่าง และมีความเห็นตรงกันในวงการว่า 'ไม่มีกุญแจของคุณ ก็ไม่ใช่เหรียญของคุณ'

กระเป๋าเงินแบบกระจายอํานาจใช้คําที่จําได้และโครงสร้างการกําหนดลําดับชั้น (HD) เพื่อให้ได้คีย์ส่วนตัวและการดูแลตนเอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะหมายความว่ากระเป๋าเงินแบบกระจายอํานาจควรเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการจัดการสินทรัพย์คริปโต ตามรายงานที่เผยแพร่โดย Finbold มีผู้ใช้กระเป๋าเงินดิจิตอล 295 ล้านคนในการแลกเปลี่ยนทั่วโลกและมีผู้ใช้กระเป๋าเงินแบบกระจายอํานาจเพียง 81 ล้านคนคิดเป็น 21.5%

การมอบกุญแจส่วนตัวให้กับการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์นั้นไม่ปลอดภัยโดยธรรมชาติ การล่มสลายของ FTX ในเดือนพฤศจิกายน 2022 เป็นเหตุการณ์ล่าสุดในรายการความปลอดภัยของการแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ตามผู้ใช้จํานวนมากยังคงเต็มใจที่จะแบกรับความเสี่ยงในการดูแลเพื่อแลกกับต้นทุนที่ต่ํากว่าและใช้งานง่าย เนื่องจากสําหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่แม้ว่าพวกเขาจะสามารถจัดการสินทรัพย์ได้อย่างอิสระโดยการควบคุมคีย์ส่วนตัวโดยไม่ทิ้งสินทรัพย์และข้อมูลไว้ในมือของผู้อื่นการดูแลคีย์ส่วนตัวได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ฉันเชื่อว่าหลายคนมีประสบการณ์ในการเขียนความจําบนกระดาษ

ตามสถิติจาก OKLink ในปี 2022 ความสูญเสียของสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้ที่เกิดจากการรั่วไหลของคีย์ส่วนตัวและความสูญเสียของคีย์ส่วนตัวจะเป็นมากที่สุด สูงถึง 930 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 40% ของความสูญเสียทั้งหมด ในโลกบล็อกเชน เมื่อคีย์ส่วนตัวหายไปหรือถูกขโมย หมายความว่าสินทรัพย์หายไปอย่างถาวร ซึ่งไม่สามารถยอมรับได้สำหรับผู้ใช้ทั่วไป

เพื่อแก้ไขปัญหา "การเก็บรักษาคีย์ส่วนตัว" ผู้ผลิตกระเป๋าเงินกำลังสำรวจกระเป๋าเงินที่ไม่มีคีย์ส่วนตัวและการกู้คืนทางสังคม และกระเป๋าเงินสมาร์ทคอนแทรคเป็นหนึ่งในวิธีการหลัก

พอร์ตสมาร์ทคอนแทรค

ประเภทบัญชีของ Ethereum ถูกแบ่งออกเป็นบัญชีภายนอก (Externally Owned Account, EOA) และบัญชีสัญญา (Contract Account, CA)

กระเป๋าเงินสัญญาอัจฉริยะเป็นบัญชีสัญญาที่มีพฤติกรรมเหมือนกระเป๋าเงินนั่นคือสัญญาอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการสินทรัพย์และโต้ตอบกับ DApps ได้ แตกต่างจากกระเป๋าเงินบัญชีภายนอกกระเป๋าเงินสัญญาอัจฉริยะไม่มีคีย์ส่วนตัวมีเพียงที่อยู่เท่านั้น ดังนั้นกระเป๋าเงินสัญญาอัจฉริยะจึงไม่สามารถเริ่มต้นธุรกรรมได้อย่างแข็งขันและสามารถดําเนินธุรกรรมตามรหัสที่เขียนไว้หลังจากถูกทริกเกอร์เท่านั้น และสัญญาอัจฉริยะจําเป็นต้องปรับใช้บนห่วงโซ่ดังนั้นการสร้างกระเป๋าเงินอัจฉริยะจึงต้องมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้น

กระเป๋าเงินหลายลายเซ็นที่เราเรียกว่าพวกเขาบ่อยครั้งเป็นประเภทของกระเป๋าเงินสมาร์ทคอนแทรกซ์ซึ่งต้องการลายเซ็นจากกุญแจ M-จาก N เพื่อดำเนินการธุรกรรม

ทุก entity ใน multi-signature wallet จะถือ private key ของตัวเอง การทำธุรกรรมต้องการ entity หลาย ๆ รายการที่จะผ่านการตรวจสอบของ wallet contract ส่วนมาก contract จะมีตัวเลือกในการกู้คืน entity ส่วนใหญ่สามารถลงคะแนนเพื่อเปลี่ยนกลุ่ม authorized key ซึ่งสามารถแก้ปัญหาของ entity บาง ๆ ปัญหาของ private key ที่ถูกขโมยหรือสูญหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พวกกระเป๋าเงินลายมือพร้อมมีการใช้งานอย่างแพร่หลายโดยโปรโตคอล DeFi และ DAO แต่พวกเขาไม่ใช่เส้นทางเทคโนโลยีสากลและยอดนิยมสำหรับกระเป๋าเงินทั้งหมด หลังจากทั้งหมดผู้ใช้ทั่วไปมักใช้งานการชำระเงินและบัญชี Web2 อย่างไรก็ตาม เช่น การชำระเงินผ่านชีววิทยาและการกู้คืนบัญชีทางสังคม

เพื่อให้สามารถทำงานในโลก Web3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการนำเสนอแนวคิดเรื่อง "account abstraction" มา

ในวิทยาการคอมพิวเตอร์, "การสรุป" หมายถึงการแยกส่วนที่เกี่ยวข้องออกจากส่วนใหญ่มากขึ้น แยกสิ่งใดสิ่งนึงออกเป็นส่วนย่อยๆ

ใน Ethereum ความหมายของ account abstraction คือ การแยกการยืนยันการทำธุรกรรมและการดำเนินการทำธุรกรรมออกจากระบบโมโนลิทิกเป็นส่วนประกอบที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน

เป้าหมายหลักของการเป็นนามธรรมของบัญชีคือการเปิดใช้งานสัญญาอัจฉริยะเพื่อทําหน้าที่เป็นบัญชีเริ่มต้นสําหรับการทําธุรกรรมทําให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรูปแบบความปลอดภัยและรูปแบบการดําเนินงานของบัญชีของตนได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากบัญชีภายนอกมีการจับคู่อย่างแน่นหนากับคู่สําคัญซึ่งเป็นสิ่งเดียวกันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งโปรแกรมด้วยรหัสที่กําหนดเองเพื่ออนุญาตการทําธุรกรรมและปลดล็อกประสบการณ์ของผู้ใช้

ในบทความ "Three Transformations of Ethereum" Buterin กล่าวถึง: การไม่อนุญาตให้ทุกคนโอนย้ายไปยังกระเป๋าสมาร์ทคอนแทร็คจะส่งผลให้ Ethereum ล้มเหลว

ดังนั้น การนำเสนอบัญชีมีความสำคัญอย่างมากสำหรับ Ethereum หนึ่งครั้งที่นำมาใช้ แอปพลิเคชั่นใหม่ เกมเพลย์ และพื้นที่ความคิดอาจเกิดขึ้นใน Web3

การนำเข้าบัญชี

ตั้งแต่ Ethereum เริ่มเปิดใช้งานในปี 2015 การอภิปรายเรื่องการสร้างบัญชีไม่หยุดนิ่งนอน ล่าสุด ERC-4337 ถูกเสนอโดย V God และผู้อื่น

เปิด UserOperation ซึ่งเป็นธุรกรรมพิเศษที่แสดงความตั้งใจของผู้ใช้และอนุญาตให้บัญชีสัญญาดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบ การดำเนินการของผู้ใช้เหล่านี้จัดการโดยบทบาทที่เรียกว่า Bundler ซึ่งจำลองการดำเนินการ UserOperation และเพิ่มการดำเนินการที่ถูกต้องเข้าไปยังสระว่ายน้ำทรานแซคชันพิเศษ สัญญา EntryPoint จากนั้นตรวจสอบและดำเนินการ UserOperation เหล่านี้เพื่อทำความตรงข้ามตามความตั้งใจของผู้ใช้

ข้อดีที่สำคัญที่สุดของ ERC-4337 คือ ไม่ต้องการการปรับเปลี่ยนที่ระดับโปรโตคอลของความเห็นร่วม เนื่องจากมันไม่ต้องการฮาร์ดฟอร์ค

กระบวนการตรวจสอบและธุรกรรมแบ่งออกเป็นสองสัญญาอัจฉริยะ: สัญญา EntryPoint และสัญญา Wallet สัญญา EntryPoint ทําหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเพื่อโต้ตอบกับสัญญา Wallet สัญญา Wallet จะจัดการการยืนยันธุรกรรมของผู้ใช้ตามตรรกะที่กําหนดเอง หากสัญญากระเป๋าเงินตรวจสอบธุรกรรมสําเร็จสัญญาจุดเริ่มต้นจะดําเนินธุรกรรมและผูกมัดกับบล็อกถัดไป

การแยกความจากนี้ให้นักพัฒนาและผู้ใช้มีเสรีภาพในการเขียนโค้ดอะไรก็ได้ลงในสัญญากระเป๋าเงินที่กำหนดเป็นเงื่อนไขสำหรับการทำธุรกรรมที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น สัญญากระเป๋าเงินสามารถใช้ลายเซ็นต์หลายรายการ ฟีเจอร์การกู้คืนโดยใช้สื่อสารสังคม และหมายเลขลายเซ็นต์ที่ต้านทานควอนตัมได้ ได้รับเสรีภาพในการเข้ารหัส

ERC-6551 เป็นข้อเสนอจากทีม Future Primitive เพื่อเชื่อมต่อ non-fungible tokens (NFTs) กับกระเป๋าสมาร์ทคอนแทร็คในวิธีใหม่ โดยอนุญาตการควบคุมและความยืดหยุ่นมากขึ้นเกี่ยวกับทรัพย์สิน เรียกว่า 'Token bound accounts' โปรโตคอลช่วยให้แต่ละ NFT สามารถมีที่อยู่กระเป๋าสมาร์ทคอนแทร็คของตัวเองได้

ERC-6551 ไม่ใช่การดึงความสำคัญของบัญชี หรือมาตรฐานโทเค็นใหม่ แต่กระเป๋าเงินสมาร์ทคอนแทร็กสามารถรวมกันเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของ NFT อย่างมาก ทำให้พวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งๆที่เปิดโอกาสให้ NFT สามารถใช้งานร่วมกัน มีชื่อเสียงในเครือข่าย คลังสมมติตัวละครในเกม ฯลฯ

โดยหลักการแล้วผู้ถือ NFT จะสร้างกระเป๋าเงินสัญญาอัจฉริยะโดยการโต้ตอบกับสัญญา Registry สัญญารีจิสทรีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ไม่จําเป็นต้องได้รับอนุญาตและไม่มีเจ้าของ มันปรับใช้กระเป๋าเงินสัญญาอัจฉริยะที่ไม่เหมือนใครและกําหนดได้สําหรับแต่ละ NFT การควบคุมเป็นของผู้ถือ NFT เท่านั้น เมื่อมีการโอนความเป็นเจ้าของ NFT การควบคุมบัญชีจะถูกโอนด้วย

ด้วยข้อเสนอล่าสุดเกี่ยวกับ ERC-4337 และข้อเสนอ ERC-6551 เป็นเกณฑ์เชิงอุตสาหกรรมล่าสุด อุตสาหกรรมจะเข้าสู่การพัฒนาอย่างรวดเร็วในปี 2023 ดังที่แสดงไว้ด้านล่าง:

EIP-3074 เป็นข้อเสนออีกตัวหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนอย่างแพร่หลายจากชุมชน Ethereum และถูกเพิ่มอย่างเป็นทางการในการฟอร์ค Ethereum ต่อไป

EIP-3074 ถูกเสนอโดยนักวิจัย Ethereum ซาม วิลสัน, นักพัฒนา Go Ethereum แมทต์ การ์เน็ต และคนอื่น ๆ ส่วนสำคัญของมันคือการอนุญาตให้บัญชี EOA ใด ๆ ที่ใช้งานเป็นกระเป๋าเงินสมาร์ทคอนแทรคโดยไม่ต้องติดตั้งสัญญาเพิ่มเติมหรือย้ายที่ด้วยตนเอง

EIP-3074 มีการนำเสนอคำสั่ง Ethereum virtual machine สองคำสั่งใหม่: AUTH และ AUTHCALL ซึ่งช่วยให้ EOA เชื่อมต่อกับสัญญาอัจฉริยะและโอนควบคุมของธุรกรรมไปยังสัญญาอัจฉริยะ

• AUTH: ใช้ในการยืนยันลายเซ็นต์และตั้งค่าตัวแปรบริบท 'authorized' หากลายเซ็นต์ถูกต้องและที่อยู่ของผู้ลงลายเซ็นต์ตรงกับที่อยู่ที่ระบุให้ลงทะเบียน 'authorized' จะถูกตั้งค่าเป็นที่อยู่ที่ได้รับการอนุญาต คำสั่ง AUTH ช่วยให้สัญญาอัจฉริยะสามารถดำเนินการแทน EOA ทำให้มีการมอบหมายที่ได้รับอนุญาต
• AUTHCALL: คล้ายกับคำสั่ง CALL ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ใช้ในการเรียกใช้งานภายนอก ความแตกต่างคือ AUTHCALL จะใช้ที่อยู่การอนุญาตที่ตั้งไว้ผ่านคำสั่ง AUTH เป็นที่อยู่ของผู้เรียกใช้งาน นั่นหมายความว่า AUTHCALL จะใช้ EOA ที่ได้รับอนุญาตเป็นผู้ส่ง ไม่ใช่สัญญาตัวเอง

EIP-3074 ต้องได้รับการนำมาใช้ผ่านฮาร์ดฟอร์กของ Ethereum จุดประสงค์หลักคือการให้ฟังก์ชัน EOA ที่คล้ายกับสมาร์ทคอนแทร็คและ deleGate การควบคุมของ EOA ไปยังสมาร์ทคอนแทร็ค แต่เนื่องจากบัญชีเองก็คือ EOA หากคีย์ถูกขโมยหรือสูญหาย หมายความว่าการควบคุมทั้งหมดจะสูญหาย

EIP-7702 ถูกปล่อยโดย Vitalik เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ปีนี้เป็นทางเลือกในการทดแทน EIP-3074 EIP-7702 ทำให้ EOA สามารถยอมรับฟังก์ชันของสมาร์ทคอนแทรกต์ชั่วคราวในขั้นตอนการทำธุรกรรม EOA สามารถแปลง EOA เป็นวอลเล็ตสมาร์ทคอนแทรกต์ขณะดำเนินการทำธุรกรรมเดียวและกลับสู่สถานะปกติหลังจากทำธุรกรรมเสร็จ

EIP-7702 นำเสนอประเภทธุรกรรมใหม่ที่มีพารามิเตอร์ "contract_code" และลายเซ็นเจอร์ ซึ่งทำให้บัญชี EOA ที่ได้รับลายเซ็นเข้าสู่กระเป๋าสมาร์ทคอนแทรคในระหว่างธุรกรรมชั่วคราว ซึ่งทำให้สามารถทำงานเทียบเท่ากับ EIP-3074

EIP-7702 ไม่ได้นำรหัสจำลองใหม่เข้ามาเรียกใช้งาน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำการฮาร์ดฟอร์คใหม่ จุดมุ่งหมายหลักคือการทำให้ EIP-3074 เป็นระบบที่ผ่านการปรับปรุงและเข้ากันได้มากขึ้นกับ EIP-4337 เนื่องจากพารามิเตอร์ 'contract_code' ที่เพิ่มเข้ามาสามารถใช้รหัสกระเป๋า EIP-4337 ที่มีอยู่ได้ และด้วยอีก EIP (EIP-5003) ยังสามารถอัปเกรดบัญชี EOA เป็นกระเป๋าสมาร์ทคอนแทร็กได้อย่างถาวร

ในที่สุดของความรู้สึกในบัญชีทั่วไป บัญชีทั้งหมดใน Ethereum ใช้กระเป๋าสมาร์ทคอนแทรคต์เพื่อจัดการสินทรัพย์และธุรกรรม และไม่ได้พึ่งพาบัญชี EOA แบบดั้งเดิมอีกต่อไป

การวิจัยที่ก้าวหน้าปัจจุบันเกี่ยวกับการยึดบัญชีรวมถึงดังนี้:

การกู้คืนทางสังคม

การกู้คืนทางสังคมหมายถึงกลไกที่ใช้ความสัมพันธ์ทางสังคมเพื่อช่วยให้ผู้ใช้กู้คืนการเข้าถึงบัญชีของพวกเขาหากพวกเขาสูญเสียกุญแจ เช่นการใช้อีเมลเพื่อรีเซ็ตรหัสผ่านของตู้กระจกสมาร์ท

ผู้ใช้ที่ใช้คุณลักษณะการกู้คืนทางสังคมโดยทั่วไปจะต้องตั้งค่าผู้ปกครองระหว่างกระบวนการสร้างกระเป๋าเงินหรือหลังกระบวนการสร้างกระเป๋าเงินและถึงเกณฑ์การตรวจสอบผู้ปกครองบางอย่างเช่น 2 จาก 3 ผู้ปกครองเพื่อเข้าสู่ระบบหรือกู้คืนกระเป๋าเงิน กระบวนการนี้เรียกว่าการรับรองหลายปัจจัยอย่างมาก

การกู้คืนด้วยวิธีสังคมเป็นทิศทางการวิจัยที่ได้รับความนิยมในการสร้างบัญชีเสมือนคือ กระเป๋าเงินที่ได้ทำการกู้คืนด้วยวิธีสังคมรวมถึง Argent Wallet, Loopring Wallet และ UniPass

ตั้งใจที่จะซื้อขาย

Intents are a set of signed, declarative constraints that allow users to outsource transaction creation to a third party without giving up full control of the transaction. Simply put, if a transaction specifies “how” to perform an operation, then the intent defines “what is the expected result” of the operation.

การทำธุรกรรมตามจุดประสงค์ใช้ไคลเอ็นต์กระเป๋าเงินเป็นชั้นที่ตั้งใจให้ผู้ใช้แสดงความตั้งใจและดำเนินกระบวนการจากจุดประสงค์ไปสู่การดำเนินการของผู้ใช้

ปัจจุบันมีโครงการทดลองเพียงเล็กน้อยสำหรับการซื้อขายตามเจตความประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าภาษาธรรมชาติของเจตความประสงค์หรือการแยกตัวเป้าหมาย คำนวณเส้นทางที่เหมาะสมและดำเนินการ AI สามารถเล่นได้เป็นข้อดี คาดว่าจะเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่บล็อกเชนร่วมกับ AI

บัญชีอุปกรณ์

Device Account (DA) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้โมดูลความปลอดภัยฮาร์ดแวร์บนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ (เช่น PC, โทรศัพท์มือถือ, แท็บเล็ต ฯลฯ) ทางด้านผู้ใช้เพื่อจัดการกุญแจผู้ใช้และบัญชีกระเป๋าเงิน

บัญชีอุปกรณ์อาศัยเทคโนโลยีการรับรองรหัสผ่าน Passkey/WebAuthn ที่ไม่ต้องการรหัสผ่าน ซึ่งสะดวกและปลอดภัยกว่าวิธีการรับรองแบบดั้งเดิม:

• ปกป้องด้วยอุปกรณ์ที่บันทึกอยู่บนเครื่องมือ โดยใช้ช่วงเวลาไบโอเมตริกเป็นชั้นเสริมของความปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องใช้รหัสผ่าน;
• มันสามารถซิงโครไนส์ได้อย่างไม่มีโรงแรมระหว่างอุปกรณ์หลายตัวเช่นโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ผ่านทาง Airdrop/Bluetooth โดยการกำจัดจุดล้มเหลวเดี่ยว;
• คุณสามารถเข้าสู่ระบบอย่างปลอดภัยบนอุปกรณ์ต่างๆ สแกนรหัส QR บนโทรศัพท์ของคุณและเข้าสู่ระบบผ่านการรับรู้ชีวิตจิตอย่างไร้ปัญหาบนหน้าเว็บเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้

สรุป

เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผู้เข้าร่วมตลาดคริปโต กระเป๋าเงินครอบคลุมบทบาทที่สำคัญมากในสายงานพื้นฐาน ในอนาคต ความสำคัญของทางเข้ากระเป๋าเงินจะเกินกว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายและกลายเป็นที่รวมกันของการจราจร Web3 และเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของ Metaverse

ในขณะที่รองรับการชําระเงินและการโอนเงิน DApps ทั้งหมดจะรวมอยู่ในกระเป๋าเงิน นักพัฒนาโครงการและผู้ใช้สามารถรวมตัวกันเป็นจํานวนมากเพื่อสร้างระบบนิเวศอินเทอร์เน็ตรุ่นใหม่โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ในระบบนิเวศนี้การดําเนินการออนไลน์ทั้งหมดของผู้ใช้สามารถทําได้ผ่านกระเป๋าเงินรวมถึงเครือข่ายสังคมการเรียกดูวิดีโอสั้น ๆ การช็อปปิ้งการสั่งอาหารการเรียกแท็กซี่และการเดินทาง กระเป๋าเงินจะกลายเป็น "Alipay" ใน Web3 อย่างแท้จริง

คำบรรยาย:

1. บทความนี้ถูกทำสำเนามาจาก [ web3caff] และลิขสิทธิ์เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ [PiggyWeb3], ถ้าคุณมีข้อคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการเผยแพร่ซ้ำโปรดติดต่อทีม Gate Learn และทีมจะดำเนินการให้เร็วที่สุดตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

2. ข้อความประกอบการใช้งาน: มุมมองและความคิดเห็นที่แสดงในบทความนี้แทนเพียงมุมมองส่วนบุคคลของผู้เขียนเท่านั้น และไม่เกิดขึ้นเป็นคำแนะนำในการลงทุนใดๆ

3. เวอร์ชันภาษาอื่น ๆ ของบทความถูกแปลโดยทีม Gate Learn และไม่ได้กล่าวถึงในGate.io, บทความที่แปลอาจไม่สามารถทำสำเนา แจกจ่าย หรือลอกเลียน